วันพฤหัสบดีที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2553

การประกันคุณภาพการศึกษา


PDCA กลไกสำคัญ ขับเคลื่อนประกันคุณภาพที่ ร.ร.เอกชัย สมุทรสาคร




การประกันคุณภาพภายใน หมายถึง กระบวนการบริหารจัดการที่มีการพัฒนาและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพ ดังนั้นบุคลากรทุกคนจะต้องตื่นตัวและพร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา


อ.วาสนา เดชอุดม ผู้อำนวยการโรงเรียน กล่าวถึงขั้นตอนการดำเนินงานว่า โรงเรียนได้จัดทำแผนปฏิบัติงานประจำปี ซึ่งสอดคล้องกับธรรมนูญโรงเรียนโดยมีเป้าหมายการดำเนินงานตามมาตรฐานการศึกษา 3 ด้าน คือ


1. มาตรฐานเกี่ยวกับผู้เรียน เน้นการพัฒนานักเรียนทั้งด้านความรู้และสุขภาพ รวมถึงการดูแลสุขภาพการป้องกันจากสิ่งแสพติด ด้านคุณธรรมและจริยธรรม เน้นความสามารถการคิดวิเคราะห์ ทักษะการทำงาน


2. มาตรฐานเกี่ยวกับครู เน้นพัฒนาครูให้มีความรู้ ความสามารถในการจัดการเรียนการสอน ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ


3. มาตรฐานเกี่ยวกับผู้บริหาร เน้นการบริหารอย่างเป็นระบบ ครบวงจร PDCA


วงจร PDCA ประกอบด้วย


1. การวางแผน โรงเรียนใช้การบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วมทุกฝ่าย คือผู้บริหาร ครู ผู้ปกครอง ชุมชน นักเรียนและเจ้าหน้าที่มีการกำหนดเป้าหมายการดำเนินงานครอบคลุมทุกมาตรฐาน ออกแบบกิจกรรมโครงการเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติ โดยผู้เกี่ยวข้องเป็นผู้เสนอ ตลอดจนจัดทำระบบการกำกับติดตาม


2. การนำแผนสู่การปฏิบัติ กำหนดปฏิทินปฏิบัติงานและดำเนินการแผนงาน/ โครงการด้านนักเรียน ครูและความสัมพันธ์ชุมชน


3. การตรวจสอบติดตาม มีระบบประเมินตนเอง ครูรายงานความก้าวหน้าในการปฏิบัติงาน โรงเรียนตั้งคณะกรรมการควบคุมกำกับ นิเทศและประเมินการดำเนินงานและสรุปรายงานผล


4. การพัฒนาปรับปรุงการปฏิบัติงาน นำผลการประเมินตนเองทำเป็นอกสารเผยแพร่ให้ผู้เกี่ยวข้องทราบและมีการประชุมระดมความคิดเกี่ยวกับการวางแผนพัฒนาจุดเด่นและปรับปรุงจุดด้อย โดยมีการดำเนินงานภาคเรียนละ 1 ครั้ง


อ.วาสนา ยังกล่าวถึงโครงการ/กิจกรรมที่เข้ามาสนับสนุนการดำเนินงานว่า " โรงเรียนมีโครงการพัฒนาการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ มีการนำนักเรียนไปศึกษาดูงานจากแหล่งเรียนรู้นอกห้องเรียนและนอกโรงเรียนโดยได้รับความร่วมมือจากชุมชนเป็นวิทยากร โรงเรียนจะใช้ความรู้ที่ได้มาบูรณาการร่วมกับกลุ่มประสบการณ์ต่าง โครงการพัฒนาบุคลากร เชิญวิทยากรมาให้ความรู้ ร่วมถึงการส่งครูเข้ารับการอบรมเรื่องต่างๆ ประชุมฝ่ายบริหาร กลุ่มประสบการณ์และสายชั้น ครูจะปฏิบัติงานเป็นทีม มีการแลกเปลี่ยนความรู้ด้านการเรียนการสอน การเขียนแผนการสอนและการจัดทำแฟ้มสะสมงาน โครงการนำชุมชนสู่โรงเรียนให้ชุมชนมามีส่วนร่วมบริหารโรงเรียน ให้แต่ละห้องมีคณะกรรมการห้องเรียน ห้องละ 10 คน ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้ปกครองดีมากพร้อมกันนี้ยังมีการจัดทำโครงการยุวทูตความดี โครงการเข้าค่ายเพื่อพัฒนาคุณธรรม โครงการเข้าค่ายทางวิชาการ เป็นต้น "




--------------------------------------------------------------------------------



การประกันคุณภาพการศึกษา

ศาสตรจารย์สมหวัง พิธิยานุวัฒน์ (ผู้อำนวยการสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา)



สถานศึกษาที่พร้อมรับประเมินภายนอกจะพิจารณาจาก


1. มีระบบการประกันคุณภาพภายใน ซึ่งประกอบด้วย ระบบการพัฒนาคุณภาพ โดยเริ่มตั้งแต่การกำหนดมาตรฐานของสถานศึกษาที่ควรจะเป็น ซึ่งควรเป็น 14++ กล่าวคือ มาตรฐานการศึกษาสำหรับประเมินภายนอกจำนวน 14 มาตรฐาน ซึ่งคณะรัฐมนตรีมติอนุมัติโดยถือว่าเป็นมาตรฐานขั้นต่ำที่สถานศึกษาทุกแห่งพึงมีมาตรฐานดังกล่าว



บวก (+) ที่หนึ่งเป็นการเพิ่มมาตรฐานตามความต้องการของต้นสังกัดและบวก (+) ที่สอง เป็นมาตรฐานความต้องการของชุมชนและสถานศึกษา จึงกำหนดวิถีการพัฒนาสถานศึกษาสู่มาตรฐานที่กำหนด และจัดระบบการส่งเสริมสนับสนุนการดำเนินงานตามวิถีทางที่กำหนดต่อไปกล่าวคือมีระบบการตรวจติดตามคุณภาพเพื่อแนะนำให้ดำเนินการตามแผนที่กำหนด และมีระบบประเมินคุณภาพภายใน ตามเจตนารมณ์ของการประกันคุณภาพการศึกษา จะเห็นว่าการประกันคุณภาพภายในเป็นหน้าที่ของสถานศึกษาร่วมกับชุมชนโดยการสนับสนุนส่งเสริมจากต้นสังกัด จะเห็นได้ว่าบทบาทของต้นสังกัดในการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษา เปลี่ยนแปลงจากบทบาท " การควบคุมสั่งการ" เป็น"การสนับสนุนส่งเสริม"

2. สถานศึกษาจัดทำรายงานการประเมินตนเองในแต่ละปีการศึกษา กล่าวคือ เป็นการจัดทำรายงานประจำปีในรูปของรายงานการประเมินตนเอง ซึ่งประกอบด้วยการแนะนำสถานศึกษาอย่างลุ่มลึกทั้งในด้านความมุ่งมั่น หลักการ ภาคี ระบบ และโครงสร้างการบริหารของสถานศึกษาแผนระยะยาวและแผนระยะสั้น การรายงานกิจการของสถานศึกษาในรอบปี ผลประเมินประสิทธิผลของสถานศึกษา โดยเทียบกับมาตรฐานการศึกษาที่กำหนด ข้อเสนอแนะในการดำเนินงานของสถานศึกษาในปีการศึกษาต่อไปตลอดจนภาคผนวกเกี่ยวกับหลักฐาน สถิติ เอกสารสำคัญที่ใช้ในการประเมินตนเองของสถานศึกษา
สถานศึกษาใดที่มีการดำเนินการประกันคุณภาพภายในและมีการประเมินตนเองในรอบปีและจัดทำเป็นรายงานประจำปี ก็ถือได้ว่าสถานศึกษาแห่งนี้มีความพร้อมรับประเมินคุณภาพภายนอกแล้ว

การประกันคุณภาพภายในที่ดีจะต้องมีคุณลักษณะ ดังนี้



1. เป็น " ระบบ" ซึ่งมีทั้งปัจจัยนำเข้า กระบวนการและผลลัพธ์ที่คาดหลังมีทั้งระบบการพัฒนาคุณภาพระบบการตรวจติดตามคุณภาพและระบบการประเมินตนเอง
2. เป็นระบบที่สถานศึกษาพัฒนาขึ้นโดยดึงชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม ด้วยการส่งเสริมสนับสนุนจากต้นสังกัด มิใช่การควบคุมสั่งการจากต้นสังกัด
3. ระบบประกันคุณภาพภายในต้องผสมผสานกับงานบริหารปกติ กล่าวคือ บูรณาการเชื่อมโยงกับการปฎิรูปการเรียนรู้ การสอน การพัฒนาบุคลากรและการบริหารฐานโรงเรียน ( SBM)
4. การประกันคุณภาพภายในเป็นเรื่องของทุกคนทั้งในสภานสึกษาและชุมชนภายใต้การนำและมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพของ "ผู้บริหาร" เพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง


5. ทำงานทุกภารกิจอย่างครบวงจรทั้งระดับบุคคลและหน่วยงานมีการวางแผน ดำเนินการประเมิน และปรับปรุงงานอย่างสม่ำเสมอ
6. การทำงานของทุกคนในสถานศึกษาไม่ว่าการบริหารจัดการ การสอนและการเรียนรู้มุ่งสู่ผลประโยชน์ที่จะเกิดแก่ผู้เรียนเป็นคนดี คนเก่งมีความสุขสนุกกับการเรียนรู้ตลอดชีวิต
7. การดำเนินการประกันคุณภาพภายในที่ควบวงจร คือเมื่อถึงปีการศึกษาจะต้องมีการประเมินตนเอง เพื่อรวมสรุปยอดแล้วจัดทำเป็นรายงานประจำปี รายงานให้หน่วยงานต้นสังกัด หน่ายงานที่เกี่ยวข้องและสาธารณะทราบ
8. ผลประเมินจะนำไปสู่การปรับปรุงการบริหาร การเรียนรู้และการสอนโดยถือเป็นหน้าที่ของผู้บริหารต้องกำกับดูแลให้มีการประเมินคุณภาพอย่างต่อเนื่อง






--------------------------------------------------------------------------------



ก้าวทัน เรื่องประกันคุณภาพการศึกษา

ทุกคนกำลังรอความหมายของคำว่า " คุณภาพการศึกษา"



ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า สังคมไทยจะก้าวผ่านความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ หลากหลายเรื่องที่ส่งผลต่อแบบแผนการเรียนรู้ของคนรุ่นใหม่ทั้งในชุมชนชนบทและชุมชนเมืองคนไทย ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ ไม่ว่าจะอยู่แห่งหนตำบลใดจะต้องมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนองไปตามพลวัตรทางเศรษฐกิจและสังคมไทยอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในระบบเศรษฐกิจแบบเปิดกว้างที่มีการแข่งขันด้านคุณภาพสูงจะเป็นแรงผลักดันสำคัญให้เกิดความต้องการการเรียนรู้และกระบวนการการเรียนรู้แก่คนไทยแทบทุกคนไม่ว่าจะอยู่ในภาคการผลิตใด

สังคมในอนาคตยังสะท้อนให้เห้นพลังประชาชนและชุมชนในการปกครองตนเองสูงขึ้น มองเห็นการเมืองที่ถูกถ่วงดุลด้วยกลุ่มองค์กรประชาชนมากขึ้น คนไทยในท้องถิ่นต่างๆ ย่อมต้องดิ้นรนให้ได้มาซึ่งความรู้ในการปกครองตนอง และเห็นความสำคัญของการเรียนรู้ด้วยตนเอง และเห็นความสำคัญของการเรียนรู้ด้วยตนเอง รวมทั้งรู้เท่าทันการใช้ประโยชน์เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของตนและลดช่องว่างในการพัฒนาระหว่างเมืองกับชนบท


ที่สำคัญและท้าท้ายที่สุดก็คือพลังการเรียนรู้และการแสดงออกของชุมชนที่ถูกโหมด้วยการเข้าถึงข่าวสารสำคัญต่างๆ อาจจะนำไปสู่การทวงคืนบทบาทในการจัดการศึกษาจากภาครัฐกลับไปสู่ภาคประชาชนอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องของการศึกษาทางเลือกและศูนย์การเรียนรู้โดยองค์กรประชาชนและกลุ่มพ่อแม่ผู้ปกครองมากขึ้น มีการโอนกิจการศึกษาของรัฐให้องค์กรท้องถิ่นและองค์กรชุมชนบริหารจัดการแทนมากขึ้น ตลอดจนการเบ่งบานของหลักสูตรท้องถิ่นที่สะท้อนชีวิตจริงและความต้องการที่ตรงกับสภาพท้องถิ่นมากยิ่งขึ้น


แต่สิ่งเหล่านี้จะเป็นจริงไปไม่ได้เลยถ้าปราศจากการประกันว่าเด็กรุ่นใหม่และคนรุ่นใหม่ทุกคนได้รับการศึกษาที่ดีมีคุณภาพเพียงดพอที่เขาจะนำไปเป็นพลังในการเรียนรู้และวางแผนชีวิตของตนเอง


การประกันคุณภาพจะเป็นเครื่องตัดสินว่าทั้งเด็กและทั้งผู้ใหญ่ในแต่ละท้องถิ่นจะฉกฉวยประโยชน์จากเทคโนโลยีและสภาพสังคมที่เปบลี่ยนไป เพื่อสร้างการเรียนรู้ที่ดีให้แก่ตนเอง ครอบครัว ชุมชน เพื่อความมั่นคงและความสามารถในการปรับตัวทางเศรษฐกิจและสังคมได้ดีเพียงไร



การประกันว่าเด็กๆ ได้เรียนเรื่องใกล้ตัวในท้องถิ่นอย่างมีความสุขมากขึ้น ด้วยการมีหลักสูตรท้องถิ่นเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น ภายใต้การอุปถัมภ์ของชุมชนที่เข้ามาร่วมแรงร่วมคิดในการจัดการเรียน การสอน "วิชา ทำมาหากิน วิชาใช้ชีวิต" เพื่อลูกหลานของตนเอง


การประกันว่าเด็กๆ ได้เรียนรู้ด้วยการนำตนเองอย่างอิสระมากขึ้น ได้ฝึกคิด ฝึกแก้ปัญหา ฝึกวิเคราะห์ฝึกวิจารณ์อย่างสร้างสรรค์ โดยมีครูที่มีคุณภาพ และใส่ใจนักเรียนอย่างแท้จริง


การประกันว่าเด็กๆ ได้รับการเรียนรู้แบบปรับเหมาะตามความต้องการและความจำเป็นของแต่ละบุคคลและชุมชนมากยิ่งขึ่น ด้วยการมีแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลายและเข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้นในแต่ละท้องถิ่น รวมทั้งหลักสูตรที่ยืดหยุ่นแบบ "เสื้อตัด" มากกว่า "เสื้อโหล" ที่เด็กๆ สามารถมีทางเลือกในการเรียนได้มากยิ่งขึ้น


การประกันว่าแต่ละชุมชนท้องถิ่นจะมีเครือข่ายการเรียนรู้ของตนเองมากขึ้น โดยมีการเชื่อมต่อข้อมูลข่าวสารระหว่างชุมชนและโรงเรียนและระหว่างชุมชนเพื่อการเรียนรู้ร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น มีการใช้ประโยชน์ทรัพยากรการเรียนรู้และแหล่งเรียนรู้ระหว่างชุมชนมากขึ้น


และท้ายที่สุดท่ามกลางการเรียนรู้อย่างมีความสุขสะท้อนความเป็นท้องถิ่นจะต้องมีการประกันว่าเด็กๆ มีมาตรฐานการเรียนรู้ที่ดีเทียบได้ในระดับสากล และสอดคล้องกับโลกของความเป็นจริงในตลาดแรงงานด้วยเช่นกัน ด้วยการพัฒนาระบบการวัดผลประเมินผลที่มีมาตรฐานรวมถึงการตั้งสำนักทดสอบแห่งชาติขึ้นเพื่อติดตามวัดมาตรฐานการเรียนรู้ในวิชาหลักๆ กับผู้เรียนทั่วประเทศ เพื่อให้การศึกษาไทยแข่งขันได้กับสากลโลก และมีการติดตามผลสถานศึกษาผ่านเครื่อข่ายสารสนเทศทางการศึกษาที่ทันสมัยอย่างต่อเนื่องด้วย





--------------------------------------------------------------------------------

ที่มา : จุลสาร สมศ. สำนักงานรับรองมาตรฐาน และประเมินคุณภาพการศึกษา ฉบับที่ 12 ประจำเดือน กรกฎาคม 2545

รายงานปฏิรูปการศึกษาไทย ปีที่4 ฉบับที่ 49 วันที่ 15 มกราคม 2545

สารสำนักงานปฏิรูปการศึกษา ฉบับที่ 42 ประจำเดือนพฤษภาคม 2545

Thailand Education Journal

1 ความคิดเห็น: